ต่อจากตอนที่ 13
องค์ชายตัวหลุน ( 多伦 พระเอก)
พ่ายแพ้แก่ทัพเว่ยของแม่ทัพเซี่ยชี่เฉิน (谢弃尘)ที่มีมู่หลาน (木兰)เป็นหน่วยหน้า
จึงถูกท่านข่าน (可汗)เรียกตัวกลับไปรับโทษ
แต่เขาก็ยังเป็นห่วงมู่หลานที่อาจจะถูกประหารชีวิตด้วยเหตุที่ปลอมตัวเป็นชายเข้ากองทัพ
เป็นห่วงถึงขั้นยอมเสี่ยงตายหาทางลักลอบเข้าไปกองทัพเว่ย
เพื่อจะพานางหนีไปกับเขา ไปใช้ชีวิตแบบคนธรรมดา
ไม่ต้องยุ่งเกี่ยวกับสงครามอีกต่อไป
แต่เขากลับพบว่า มู่หลาน
ได้เปลี่ยนสถานะจาก "ฮวาหู" เป็นหัวหน้าหน่วยยวี้ฉือ (ชื่อของหน่วยกล้าตายที่เดิมมียวี้ฉือกุงเป็นหัวหน้า)
ตัวหลุนพบว่ามู่หลานเปลี่ยนไป
ไม่ใช่มู่หลานสาวปักผ้าคนเดิมอีกแล้ว
แต่สิ่งที่ไม่เปลี่ยนคือความรักที่ยังคงติดตรึงใจของทั้งสองคน
บทพูดในหนังตอนนี้แสดงถึงตัวแทนความคิดของคนที่อยากจะปลีกตัวจากโลกที่วุ่นวาย
ตัวหลุนกอดมู่หลานไว้ และถามว่า
ทำไมเราถึงกลับไปเป็นเหมือนเมื่อก่อนอีกไม่ได้
เราย้อนกลับไปเป็นเหมือนเมื่อก่อนได้มั้ย ข้าเป็น
"มั่วเจี้ยง" ส่วนเจ้าก็เป็น "มู่หลาน"
เราจะไปที่ที่ไม่มีสงคราม ใช้ชีวิตอย่างสงบและมีความสุข ข้าเลี้ยงม้า
เจ้าทอผ้า ไม่ต้องยุ่งเรื่องชาวโหยวหยาน ไม่ต้องยุ่งเรื่องชาวเว่ย
แค่เราสองคนมีความสุขก็พอแล้ว
แต่มู่หลานไม่ยอมหนีไปกับเขา
ยืนยันจะอยู่สู้เพื่อชาวเว่ย
ทั้งสองคนเชื่อว่า “ สงครามจะยุติลงได้ก็ต่อเมื่อฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งชนะเท่านั้น ”
แต่มู่หลานยังเชื่ออีกอย่างหนึ่งว่า “ ผู้ก่อสงครามจะไม่มีวันชนะ”
( มั่วเจี้ยงบอกว่ารอพิสูจน์กันต่อไปว่าใครถูก)
ในบทพูดฉากนี้
ผู้เขียนรู้สึกว่าผู้กำกับสร้างให้สองคนนี้คิดแตกต่าง คนหนึ่งเทิดทูนความรัก ส่วนอีกคนยังไงๆ ก็ต้องชาติมาก่อน
(ขอบคุณภาพจากเว็บไซต์จีน)
มู่หลาน ปล่อยตัวหลุนแม่ทัพฝ่ายศัตรูไป โดยให้จู้จื่อส่งตัวหลุนออกจากค่ายเว่ยไป
ก่อนจากกัน
ตัวหลุนบอกลาจู้จื่อว่า
ลาก่อนสหายหวู่เฟิ่งกู่ของข้า
เจอกันคราวหน้า "ข้าจะไม่ยั้งมือให้กับเจ้าอีก"
จู้จื่อบอกว่า
"ข้าก็เช่นกัน"
หมายความว่า ถ้าข้าเจอเจ้าในสนามรบคราวหน้า
จะลงมือห้ำหั่นกันเต็มที่ไม่เห็นแก่ความสัมพันธ์ส่วนตัวแล้วนะ
....................................................
เกร็ดวามรู้ตำราพิชัยสงครามซุนวู
ที่สอดแทรกอยู่ในหนังเรื่อง “มู่หลาน”
ยุทธวิธีในหนังเรื่องนี้
เน้นการชนะกันด้วยสติปัญญา การรู้เท่าทันฝ่ายตรงข้าม ( สำนวนจีนพูดว่า รู้เขารู้เรา
รบร้อยครั้งชนะร้อยครั้ง 知己知彼,百战百胜。) และการที่สามารถใช้กำลังที่น้อยกว่าชนะข้าศึกที่มีกำลังมากกว่า(สำนวนจีนใช้คำว่า 以少胜多)
การที่ตัวหลุนรู้นิสัยของแม่ทัพเซี่ย และมู่หลานก็รู้นิสัยของตัวหลุน จึงเป็นปัจจัยที่มีผลต่อการแพ้ชนะ
ในเวลาต่อมา
องค์ชายตัวหลุนได้รับโอกาสจากท่านข่านอีกให้สร้างผลงานไถ่โทษ (แพ้ศึกที่เฮยซัน-แพ้เพราะเสียงซอหัวหมาป่าของตัวเอง) นำทัพยึดเมืองเซิ่งเล่อ ซึ่งเป็นเมืองหัวใจของแคว้นเว่ยไว้ได้ และใช้วิธีตั้งรับอยู่แต่ในเมือง ไม่บุก
ตัดเสบียงอาหารและบั่นทอนกำลังของทัพเว่ยไปเรื่อยๆ แทบจะทำให้แคว้นเว่ยแพ้โดยที่ไม่ต้องรบ จนฮ่องเต้แคว้นเว่ยร้อนใจอย่างหนัก กดดันให้แม่ทัพเซี่ยชี่เฉินต้องหาทางชิงเมืองเซิ่งเล่อคืนให้ได้ ตอนนี้ก็งัดสารพัดวิธีเพื่อชิงเมืองคืน
( รายละเอียดเชิญดูจากซีรีย์จีน เรื่อง มู่หลาน จอมทัพหญิงกู้แผ่นดิน เวอร์ชั่น 2013 ในไทยเรียกว่าเวอร์ชั่น 2015 )
แม่ทัพตัวหลุนฝ่ายแคว้นโหยวหยาน ได้ทำการวิเคราะห์ความสำคัญของเมืองที่จะเข้าตี สภาพภูมิประเทศ ข้อได้เปรียบ - เสียเปรียบของฝ่ายตนและฝ่ายเว่ยในการทำศึกตามหลักพิชัยสงครามซุนวู
จึงชิงเมืองเซิ่งเล่อได้จนทำให้ฝ่ายเว่ยเกือบจะสิ้นชาติ
ส่วนมู่หลานเมื่อคราวบ้านเมืองคับขัน ก็ใช้หลักการในตำราพิชัยสงครามซุนวู ทำการ “โจมตีจุดอ่อนทางจิตใจ” (攻心)ของตัวหลุนที่ยังมีใจรักในตัวนาง รักในผ้าไหมปัก จนตัวหลุนหลงกล พ่ายแพ้อย่างยับเยิน โดนข่านผู้พ่อสั่งลงโทษปลดออกจากแม่ทัพ อำนาจการทหารเปลี่ยนไปอยู่ในมือของ หวูถี (吴提) องค์ชายใหญ่ (ซึ่งเชื่อฟัง จินฉานจื่อ มหาอำมาตย์เจ้าเล่ห์ที่คิดจะชิงอำนาจ)
หลายคนดูแล้วรู้สึกเจ็บแค้นแทนตัวหลุน (พระเอก) ที่เสี่ยงชีวิตช่วยมู่หลานไว้หลายต่อหลายครั้ง แต่เธอกลับไร้น้ำใจถึงขนาดใช้ความรักที่เขามีต่อเธอมาเป็นอาวุธในการทำร้ายเขาเพื่อเอาชนะศึกชิงเมือง ทำให้ตัวหลุนเสียใจจนไม่คิดจะพบกับนางอีกชั่วชีวิต
หลายคนดูแล้วรู้สึกเจ็บแค้นแทนตัวหลุน (พระเอก) ที่เสี่ยงชีวิตช่วยมู่หลานไว้หลายต่อหลายครั้ง แต่เธอกลับไร้น้ำใจถึงขนาดใช้ความรักที่เขามีต่อเธอมาเป็นอาวุธในการทำร้ายเขาเพื่อเอาชนะศึกชิงเมือง ทำให้ตัวหลุนเสียใจจนไม่คิดจะพบกับนางอีกชั่วชีวิต
หนังสร้างให้แม่ทัพสองแคว้นนี้ถูกกดดันให้รบ ตัวหลุนชีช้ำที่สุด รักรันทด โดนพ่อด่า โดนเลื่อยขาเก้าอี้ โดนผู้หญิง (มู่หลาน) หลอก ถูกปลดจากแม่ทัพ คนสนิท "ตั๋วซูเฟิง" ถูกเนรเทศให้ไปเลี้ยงม้า จึงนั่งก๊งเหล้าแก้เก๊กซิมดับกลุ้มทั้งวัน
ส่วนแม่ทัพเซี่ยก็โดนฮ่องเต้เจ้าอารมณ์กดดัน
อุทาหรณ์เตือนใจเรื่องคนไว้ใจใกล้ตัว
ต่อมาเมื่อหวูถีได้เป็นแม่ทัพใหญ่โหยวหยานโดยมีจินฉานจื่อเป็นกุนซือ จินฉานจื่อวางแผนการรบผิดพลาดในยุทธการครั้งสำคัญ จนเกิดการเพลี่ยงพล้ำอย่างหนัก ฝ่ายโหยวหยานแพ้ศึกครั้งใหญ่ สูญเสียกำลังพลมากมาย หวูถีเองก็ถูกลูกศรมู่หลานบาดเจ็บ
ต่อมาเมื่อหวูถีได้เป็นแม่ทัพใหญ่โหยวหยานโดยมีจินฉานจื่อเป็นกุนซือ จินฉานจื่อวางแผนการรบผิดพลาดในยุทธการครั้งสำคัญ จนเกิดการเพลี่ยงพล้ำอย่างหนัก ฝ่ายโหยวหยานแพ้ศึกครั้งใหญ่ สูญเสียกำลังพลมากมาย หวูถีเองก็ถูกลูกศรมู่หลานบาดเจ็บ
จินฉานจื่อ ต้องการโยนผิดให้กับแม่ทัพหวูถี
จึงส่งสัญญาณให้ลูกน้องรู้ว่าจะปล่อยให้
หวูถี มีชีวิตรอดกลับไปถึงวังข่านไม่ได้
"ต้าน่า" จึงจัดการฆ่าหวูถี ผู้ซึ่งเชื่อใจและนับถือจินฉานจื่อเป็นอาจารย์ และถือโอกาสป้ายร้ายว่ามู่หลานเป็นคนฆ่าหวูถีตายคาสนามรบ ทำให้ท่านข่านเห็นมู่หลานเป็นแม่มดหมอผี เกลียดชังมู่หลานยิ่งขึ้น กดดันให้องค์ชายตัวหลุนสาบานว่าถ้าพบมู่หลานอีก จะต้องฆ่านางเพื่อแก้แค้นให้กับหวูถีผู้เป็นพี่ชาย
องค์ชายหวูถี เป็นตัวอย่างที่หลงไว้วางใจคนไม่ดีและต้องจบชีวิตด้วยน้ำมือของคนใกล้ตัว ท่านข่านผู้เป็นพ่อก็ชะตากรรมเดียวกัน หูเบา ดูคนไม่เป็น หลงไว้ใจคนไม่ดี จนต้องตายด้วยน้ำมือของจินฉานจื่อเช่นกัน
หวูถีตายในสภาพที่ตาทั้งสองไม่ยอมปิดลง
(ต่อมา
ท่านข่านผู้เป็นพ่อก็ตายตาไม่ปิดเช่นกัน)
จากบทความที่แล้ว มีผู้อ่านท่านหนึ่งส่งคำถามมาว่า คนจีนมีความเชื่อเรื่องคนตายตาไม่ปิด
(ไม่หลับ) อย่างไร ?
คนจีนมีความเชื่อเรื่องตายแล้วตาไม่หลับอย่างนี้
(1) คนตายยังมีเรื่องที่เป็นห่วงอย่างมาก ยังทิ้งความเป็นห่วงนั้นไปสู่สุขคติไม่ได้
(2) คนตายจะต้องได้รับความไม่เป็นธรรมอย่างยิ่ง การตายนั้นมีเงื่อนงำ มีอะไรที่เจ็บแค้นใจหรือเสียใจสุดๆ จึงยังไปสู่สุขคติไม่ได้
จีนจึงมีสำนวนจีนโบราณคำหนึ่งว่า 死不瞑目 แปลว่า ตายตาไม่หลับ
ส่วนจะเป็นจริงตามนี้หรือไม่ อันนี้ก็ต้องไปสังเกตกันต่อไป
ในหนังเรื่องนี้หมายถึง หวู่ถีแค้นใจที่ถูกคนที่ตัวเองวางใจเคารพนับถือมาทำกับตัวเองอย่างนี้ (ตอนหลังพระเอกช่วยทำให้ตาของหวูถีปิดลงได้) ก็เรียกว่า 死不瞑目 แปลว่า ตายตาไม่หลับ
ส่วนท่านข่านก็เจ็บใจที่หลงเชื่อจินฉานจื่อจนลูกชายคนโตตาย ลูกชายคนรอง (พรเะเอกตัวหลุน) ถูกปลดเป็นสามัญชน แถมตัวเองก็ต้องตายด้วยยาพิษจากคนของจินฉานจื่อที่ส่งมาเป็นพ่อครัวข้างกายอยู่นานถึง 7 ปี (กว่าจะรู้ตัวก็สายเสียแล้ว) จึงตายในอาการที่ "ตาไม่ปิด" เช่นกัน
ในฝั่งของแคว้นเว่ยก็มีคนแฝงกายซุ่มซ่อนอยู่ข้างฮ่องเต้เหมือนกัน
ทั่วป๋าเส้า ( 拓拔绍 อดีตรัชทายาทที่ถูกปลด น้องชายของฮ่องเต้ทั่วป๋าเทา 拓跋焘 ) นอกจากตัวเองจะสลับฐานะกับองครักษ์ (罗昭 - หลัวเจา) หลบซ่อนตัวอยู่ในหมู่บ้านหวู่เฟิ่งกู่นานถึง 15 ปีแล้ว เขายังได้ส่งลูกๆ ของอดีตคนที่ภักดีต่อเขาให้ไปสมัครเป็นทหารองครักษ์ซุ่มตัวอยู้ข้างตัวของฮ่องเต้ทั่วป๋าเทาเพื่อหาโอกาสลอบสังหารฮ่องเต้นานถึง 8 ปี โดยที่ฮ่องเต้ก็ไม่ระแคะระคายเช่นกัน
ทั่วป๋าเส้า ( 拓拔绍 อดีตรัชทายาทที่ถูกปลด น้องชายของฮ่องเต้ทั่วป๋าเทา 拓跋焘 ) นอกจากตัวเองจะสลับฐานะกับองครักษ์ (罗昭 - หลัวเจา) หลบซ่อนตัวอยู่ในหมู่บ้านหวู่เฟิ่งกู่นานถึง 15 ปีแล้ว เขายังได้ส่งลูกๆ ของอดีตคนที่ภักดีต่อเขาให้ไปสมัครเป็นทหารองครักษ์ซุ่มตัวอยู้ข้างตัวของฮ่องเต้ทั่วป๋าเทาเพื่อหาโอกาสลอบสังหารฮ่องเต้นานถึง 8 ปี โดยที่ฮ่องเต้ก็ไม่ระแคะระคายเช่นกัน
แม่ทัพเซี่ยชี่เฉินที่ไม่เคยรบแพ้ใคร ก็ต้องมาจบชีวิตด้วยดาบของทหารองครักษ์ฮ่องเต้ (คนของทั่วป๋าเส้า) ซึ่งมีฝีมือธรรมดาที่แทงจากด้านหลัง แบบโดนแทงทีเผลอ
เราก็เคยเห็นตัวอย่างแบบนี้นอกจอในยุคปัจจุบันด้วย ในประวัติศาสตร์โลก ก็มีผู้นำบางประเทศเสียชีวิตโดยถูกองครักษ์ข้างกายสังหาร
ฉากที่แม่ทัพเซี่ยตาย น่าสงสาร และน่าเสียดายมาก ผู้กำกับไม่น่าบอกให้เขาตายง่ายๆ แบบนี้เลย ไม่มีโอกาสได้ร่ำลามู่หลาน ทั้งที่แอบรักและคอยปกป้องมู่หลานมาโดยตลอด
แต่นั่นแหละ ถ้าไม่กำกับให้แม่ทัพเซี่ยตาย แล้วมู่หลานจะมีโอกาสเป็น "แม่ทัพ" ได้อย่างไรล่ะ (ในเรื่องมู่หลานเวอร์ชั่นที่ผ่านๆ มา ไม่เคยมีบทที่มู่หลานเป็นแม่ทัพ หนังเวอร์ชั่นนี้สร้างแต่งเติมให้เหนือจริงไปมาก)
ในหนังเรื่องนี้ แม่ทัพเซี่ยเป็นลูกผู้ชายที่น่านับถือมาก ไม่มีการชิงรักหักสวาท แม้จะพยายามบอกมู่หลานให้ลืมความหลังที่มีกับตัวหลุนก็ตาม
หลังแม่ทัพเซี่ยตาย มู่หลานถึงได้รู้ว่า ภาพปักที่เธอปักเป็นรูปหน้าแม่ทัพเซี่ยเมื่อครั้งที่แม่ทัพเซี่ยไปคัดเลือกแม่งานปักผ้าสินเจ้าสาวที่อู่เฟิ่งกู่นั้น แม่ทัพเซี่ยยังเก็บติดตัวไว้ตลอด ( เป็นเวลาร่วมสิบปี) ซึ่งเป็นนัยว่า แม่ทัพเซี่ยมีใจต่อเธอ จึงยังคงเก็บผ้าผืนนั้นไว้กับตัว แต่เขาก็ไม่เคยแพร่งพรายให้มู่หลานรู้ความในใจเลย
ต่อจากนี้ไปก็จะไม่มีบทของแม่ทัพเซี่ยที่ผู้เขียนถือว่าเขาเป็นพระรองของเรื่องอีก นอกจากป้ายวิญญาณที่ตัวหลุนกับมู่หลานไปคารวะตอนใกล้จบเท่านั้น
เราก็เคยเห็นตัวอย่างแบบนี้นอกจอในยุคปัจจุบันด้วย ในประวัติศาสตร์โลก ก็มีผู้นำบางประเทศเสียชีวิตโดยถูกองครักษ์ข้างกายสังหาร
ฉากที่แม่ทัพเซี่ยตาย น่าสงสาร และน่าเสียดายมาก ผู้กำกับไม่น่าบอกให้เขาตายง่ายๆ แบบนี้เลย ไม่มีโอกาสได้ร่ำลามู่หลาน ทั้งที่แอบรักและคอยปกป้องมู่หลานมาโดยตลอด
แต่นั่นแหละ ถ้าไม่กำกับให้แม่ทัพเซี่ยตาย แล้วมู่หลานจะมีโอกาสเป็น "แม่ทัพ" ได้อย่างไรล่ะ (ในเรื่องมู่หลานเวอร์ชั่นที่ผ่านๆ มา ไม่เคยมีบทที่มู่หลานเป็นแม่ทัพ หนังเวอร์ชั่นนี้สร้างแต่งเติมให้เหนือจริงไปมาก)
ในหนังเรื่องนี้ แม่ทัพเซี่ยเป็นลูกผู้ชายที่น่านับถือมาก ไม่มีการชิงรักหักสวาท แม้จะพยายามบอกมู่หลานให้ลืมความหลังที่มีกับตัวหลุนก็ตาม
หลังแม่ทัพเซี่ยตาย มู่หลานถึงได้รู้ว่า ภาพปักที่เธอปักเป็นรูปหน้าแม่ทัพเซี่ยเมื่อครั้งที่แม่ทัพเซี่ยไปคัดเลือกแม่งานปักผ้าสินเจ้าสาวที่อู่เฟิ่งกู่นั้น แม่ทัพเซี่ยยังเก็บติดตัวไว้ตลอด ( เป็นเวลาร่วมสิบปี) ซึ่งเป็นนัยว่า แม่ทัพเซี่ยมีใจต่อเธอ จึงยังคงเก็บผ้าผืนนั้นไว้กับตัว แต่เขาก็ไม่เคยแพร่งพรายให้มู่หลานรู้ความในใจเลย
ต่อจากนี้ไปก็จะไม่มีบทของแม่ทัพเซี่ยที่ผู้เขียนถือว่าเขาเป็นพระรองของเรื่องอีก นอกจากป้ายวิญญาณที่ตัวหลุนกับมู่หลานไปคารวะตอนใกล้จบเท่านั้น
วันนี้ยังไม่ได้ทำรูปประกอบเรื่องรูปใหม่ ขอเอารูปเก่าลงประกอบซ้ำ
สำนวนจีน 敌暗我明 ศัตรูอยู่ในที่มืด เราอยู่ในที่แจ้ง
................................
ขอปิดท้ายบทความนี้ด้วยสำนวนจีนอมตะที่เคยเขียนไว้
สุดยอดสำนวนจีนอมตะ
谚语 Chinese Idioms
ภาษิตจีนโบราณ
害人之心不可有,防人之心不可无。
(1) จิตใจคิดร้ายผู้อื่นมิพึงมี
การระวังผู้อื่นมิควรขาด
(2) ไม่ควรคิดร้ายใคร แต่พึงระวังคนคิดร้ายเรา
สำนวนจีนนี้หมายความว่า
"จงอย่ามีจิตใจที่จะคิดร้ายต่อผู้อื่น"
ขณะเดียวกัน
"ก็พึงระวังคนไม่ดีที่จะคิดร้ายกับเราไว้บ้าง"
"ก็พึงระวังคนไม่ดีที่จะคิดร้ายกับเราไว้บ้าง"
คล้ายคำไทยที่ว่า "อย่าไว้ใจทาง อย่าวางใจคน"
ดูสำนวนจีนนี้เพิ่มเติม คลิกที่นี่
.......................
ขอบคุณภาพประกอบจาก 新浪网 http://news.sina.com.cn/
ภาพล่าง เหอเจี้ยนเจ๋อ นักแสดงเป็นองค์ชายหวูถี
เป็นคนที่มีความรักมั่นคง เป็นตัวละครที่น่าเห็นใจและน่าสงสารคนหนึ่ง
เพราะน้อยใจที่พ่อให้ความวางใจน้องชายมากกว่าตัวเอง
อยากได้ความรักตอบจากหญิงที่ตนรัก
จึงหลงเชื่อใจและนับถือจินฉานจื่อ
เพราะน้อยใจที่พ่อให้ความวางใจน้องชายมากกว่าตัวเอง
อยากได้ความรักตอบจากหญิงที่ตนรัก
จึงหลงเชื่อใจและนับถือจินฉานจื่อ
ต้องจบชีวิตลงด้วยน้ำมือของคนที่ตนหลงไว้ใจ จึงตายตาไม่ปิด
.......................
เพิ่มเติม
เกร็ดประวัติศาสตร์จริง (แต่เรื่องในหนังไม่ตรงกับประวัติศาสตร์)
ผู้เขียนไปค้นมา พบว่า หวูถี มีตัวตนจริงในประวัติศาสตร์เผ่าโหยวหยาน 柔然
หวูถี เป็นข่านองค์ 11 และองค์สุดท้ายของโหยวหยานโบราณ ( ค.ศ. 429 - 444)
และได้อภิเษกสมรสกับ องค์หญิงซีไห่ จากแคว้นเว่ยเหนือ
ต่อมาแคว้นโหยวหยานและแคว้นเว่ยเหนือมีการทำสงครามกันอีกหลายครั้ง
และในปี 444 แคว้นเว่ยเหนือเป็นฝ่ายชนะ
.......................
เพิ่มเติม
เกร็ดประวัติศาสตร์จริง (แต่เรื่องในหนังไม่ตรงกับประวัติศาสตร์)
ผู้เขียนไปค้นมา พบว่า หวูถี มีตัวตนจริงในประวัติศาสตร์เผ่าโหยวหยาน 柔然
หวูถี เป็นข่านองค์ 11 และองค์สุดท้ายของโหยวหยานโบราณ ( ค.ศ. 429 - 444)
และได้อภิเษกสมรสกับ องค์หญิงซีไห่ จากแคว้นเว่ยเหนือ
ต่อมาแคว้นโหยวหยานและแคว้นเว่ยเหนือมีการทำสงครามกันอีกหลายครั้ง
และในปี 444 แคว้นเว่ยเหนือเป็นฝ่ายชนะ
อ้างอิงจาก http://baike.baidu.com/view/2610706.htm
(ขอบคุณภาพจาก เว็บไซต์ 八目鱼)
หนังสร้างได้สนุกน่าติดตามมาก
ตอนต่อไปจะเขียนถึงแนวการสืบสวน
พบกับเจาะสาระมู่หลานตอนต่อไปค่ะ