花木兰传奇
มู่หลาน จอมทัพหญิงกู้แผ่นดิน เวอร์ชั่น 2013
ซีรีย์ที่แพร่ภาพในไทยพีบีเอส เวอร์ชั่นพากย์ไทยทั้งหมด 56 ตอน ก็ได้จบลงไปแล้วเมื่อ 9 มกราคมที่ผ่านมา
แต่เหล่าซือก็ยังเขียนไม่จบ
ตอนนี้น่าจะเป็นไฮไลท์ สรุปหัวใจสำคัญของซีรีย์เรื่องนี้ว่าต้องการนำเสนออะไร ?
ตอน 15 ที่เขียนไปหลังปีใหม่ ได้รับความคิดเห็นจากเพื่อนผู้อ่านหลายท่านผ่านหน้าบล็อกและหลังไมค์ ทำให้รู้สึกดี
เราไม่ได้สื่อสารอยู่ฝ่ายเดียว มีคนชอบเรื่องนี้และเห็นว่าเป็นละครที่สร้างสรรค์ด้วยเหมือนกัน
.......................
จากบทความเรื่อง มู่หลานฯ เจาะสาระตอนที่ 15
ท่านผู้อ่าน คุณ Jeng Piyamanag ได้เขียนคอมเมนท์มาหลายเรื่อง มีตอนหนึ่งเขียนไว้อย่างน่าสนใจว่า
" มู่หลานทางทีวีจบแล้ว ฝากหลายๆ เรื่องราวให้คนดูเอาไปปรับใช้กับตัวเอง
ขอเชียร์ให้เขียนต่อไป
ตนเองจะให้รางวัลภาพยนตร์ท่ี่สร้างสรรสังคมดีเยี่ยม
นอกจากนี้ ผู้สร้างก็มีวิสัยทัศน์ว่าปัจจุบันโลกเปลี่ยนไปควรนำเสนออย่างไร "
...............................
ก่อนจะเข้าเรื่องเจาะสาระตอนที่ 16 นี้ ขอพูดถึงเรื่องคลื่นความหนาวที่เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 25 มกราคมที่ผ่านมาเล็กน้อย ว่าทำให้นึกเชื่อมโยงไปถึงเรื่องราวอะไรในเรื่องซีรีย์มู่หลานฯ เวอร์ชั่นนี้บ้าง ?
ตั้งแต่ประมาณวันที่ 20 มกราคมที่ผ่านมา คลื่นความหนาวกำลังแรงที่แผ่ลงมาจากไซบีเรีย กระทบมองโกลเลีย จีน เกาหลี ญี่ปุ่น ฯลฯ รวมทั้งกระทบภาคเหนือภาคอีสานของไทย ทำให้อากาศหนาวจัดจนนักท่องเที่ยวภูทับเบิกต้องหนีกลับตั้งแต่คืนวันที่ 24 มกราคมนั้น
คลื่นความหนาวนี้ทำให้เกิดพายุหิมะถล่มเมืองต่างๆ ของจีนในลักษณะทั่วประเทศ สถานการณ์เลวร้ายที่สุดในรอบหลายสิบปี
แม่น้ำ น้ำตก ทะเลสาบ ฯลฯ ในจีน กลายเป็นน้ำแข็ง เดินเรือไม่ได้ เหมือนถูกแช่แข็งไว้ค่อนประเทศ
** อ่านเรื่องหนาวสุดในรอบหลายสิบปีเพิ่มเติม ในบทความที่เขียนไว้ที่ลิงค์นี้
http://suwannafc.blogspot.com/2016/01/25-2016.html
ภัยหนาวครั้งนี้ ทำให้ผู้เขียนนึกถึงซีรีย์จีนมู่หลานฯ ที่ทำให้เห็นภูมิอากาศที่แตกต่างระหว่างทุ่งหญ้าทางเหนือของจีน ที่อยู่ของชาวโหยวหยาน (ปัจจุบันคือแถบมองโกลเลียและมณฑลเฮยหลุงเจียงของจีน) กับ แผ่นดินจงหยวน (คือแถบภาคกลางลุ่มแม่น้ำแยงซีเกียงและภาคใต้ของจีนปัจจุบัน)
ที่แคว้นโหยวหยาน มีแต่ทุ่งหญ้ากับทะเลทราย ชาวทุ่งหญ้าจึงต้องพยายามตีลงมาทางใต้เพื่อยึดแผ่นดินที่มีสภาพอากาศอบอุ่นกว่า เพาะปลูกได้ และอุดมสมบูรณ์กว่า
คือปัญหาทรัพยากรทางธรรมชาตินั่นเอง
.......................................
ในเกร็ดประวัติศาสตร์ (จริง)
ชาวโหยวหยาน (柔然)มีการสู้รบกับชาวจงหยวน (中原)มาตลอด เป็นเวลานานมาแล้ว
และไม่ใช่มีแค่ชาวโหยวหยาน ซึ่งเป็นบรรพบุรุษของชาวมองโกลเท่านั้น ที่ต้องการตีลงมาเพื่อหาแผ่นดินที่อบอุ่นกว่า
ในสมัยโบราณยังมีชาวแมนจู (满族)ที่อยู่ทางทิศตะวันออกเฉียงเหนือของจีน (ปัจจุบันคือดินแดนมณฑลเฮยหลุงเจียง มีฮาร์บินเป็นเมืองเอกที่หนาวติดลบ 30 องศา) ก็มีการสู้รบกับชาวจงหยวนมาตลอด
กองทัพม้าเหล็กของชาวมองโกลเคยยึดแผ่นดินจงหยวน (ที่ราบลุ่มของจีนแถบสองฝั่งแม่น้ำแยงซีเกียง) ได้ในสมัยเจ็งกิสข่าน 成吉思汗 - ข่านผู้ยิ่งใหญ่แห่งมองโกล เมื่อประมาณ 800 ปีก่อน ตั้งเป็นราชวงศ์หยวน (元朝 ปี ค.ศ. 1971 - 1368)ปกครองจีน 97 ปี เกือบ 100 ปี ( ตำนานเรื่องมู่หลานเกิดขึ้นประมาณ 2000 ปีก่อน ห่างกับช่วงที่ชาวมองโกลปกครองจีนราว 1200 ปี)
กองทัพชาวแมนจูก็เคยยึดแผ่นดินจีนได้ ตั้งเป็นราชวงศ์ชิง(清朝 ค.ศ. 1636 - 1912)ปกครองชาวจีน - ชาวฮั่น นาน 276 ปี เกือบ 300 ปี
...........................
นึกเปรียบเทียบกับบ้านเราที่อุดมสมบูรณ์ไปด้วยแสงแดด แหล่งน้ำ ภูมิประเทศที่งดงาม และทรัพยากรธรรมชาติอื่นๆ
บ้านเราก็เป็นที่หมายปองของชาติอื่นโดยเฉพาะชาติใหญ่ๆ ไม่ต่างกันกับสมัยโบราณแบบในละคร
...........................
กลับมาที่ซีรี่ย์จีนเรื่องมู่หลานฯ จอมทัพหญิงกู้แผ่นดิน
ซึ่งเป็นละครที่เสริมแต่งขึ้นโดยมีเรื่องราวในประวัติศาสตร์จีนเป็นแค่ฉากหลัง แต่ไม่ใช่ตามจริง
สุสาน และ ป้ายวิญญาณในหมู่บ้านหวู่เฟิ่งกู่ จึงเป็นสัญลักษณ์สื่อถึงความโหดร้ายของสงคราม
ผู้ชายในตระกูลของ "จางจู้จื่อ" ก็ตายในสงครามเกือบหมด เหลือแต่ตัวเขากับย่าที่ร้องไห้จนตาบอด
พระเอก - องค์ชายตัวหลุน ในเรื่องนี้ จึงได้เสนอแนวคิดใหม่ แทนการใช้กำลังยึดครอง คือ ความร่วมมือ การเรียนรู้ การผสมผสานวัฒนธรรม
รูปแบบในสมัยโบราณก็คือ ผ่านการแต่งงานขององค์หญิงองค์ชายทั้งของสองแคว้น เพื่อให้หญิงชาวเว่ยไปสอนการปักทอผ้าให้กับชาวโหยวหยานที่เดิมเลี้ยงสัตว์และใช้ชีวิตเร่ร่อน
...........................................
ในความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ กาลเวลาเปลี่ยน สถานการณ์เปลี่ยน ทุกอย่างก็เปลี่ยน
มิตรกลายเป็นศัตรู ศัตรูกลายเป็นมิตร แปลงศัตรูเป็นมิตร หรือ ไล่มิตรไปเป็นศัตรู
อดีตรัชทายาท องค์ชายของแคว้นเว่ยอย่างทั่วป๋าเส้า ก็ไปร่วมมือกับแคว้นโหยวหยานได้
องค์ชายตัวหลุนแห่งโหยวหยาน ก็หันมาร่วมมือกับแคว้นเว่ยได้
เสนาบดีใหญ่อย่างจินฉานจื่อ ที่พระเอกนับถือเป็นอาจารย์ เป็นที่ปรึกษาของท่านข่าน กลายเป็นคนทรยศได้
ฮ่องเต้ เมื่อถึงคราวเพื่อชาติ (เพื่อบัลลังก์) ก็ยอมกลืนเลือดลดทิฐิได้
ก่อนที่จะไปถึงจุดไฮไลท์ - คาดว่าเป็นบทสรุปหัวใจสำคัญที่ละครเรื่องนี้ต้องการนำเสนอ (การร่วมมือ การเรียนรู้ คือทางรอด) ทั่วเป๋าเส้า ได้หนีไปขอพึ่งกองกำลังของฝ่ายโหยวหยาน โดยสมคบกับจินฉานจื่อ - เสนาบดีใหญ่ที่ท่านข่านแห่งโหยวหยานไว้วางใจ และเป็นคนรักเก่าของแม่ ขอให้ท่านข่าน (พ่อตัวหลุน) สนับสนุนเขาทำพิธีขึ้นบังลังก์ฮ่องเต้แห่งเว่ย (ตั้งฮ่องเต้ซ้อนขึ้น) ในดินแดนของโหยวหยาน เพื่อเรียกขวัญกำลังใจจากกองกำลังและผู้คนที่ยังสนับสนุนเขาในแคว้นเว่ย โดยเฉพาะแถบพื้นที่ที่เขาเคยปกคอรงอยู่สมัยดำรงยศเป็น "ชิงเหอฮ่อง" เพื่อจะสร้างความแตกแยกในหมู่ชาวเว่ย เมื่อเกิดศึกใน แคว้นเว่ยก็จะระส่ำระสาย ทั่วป๋าเส้าจะได้โอกาสช่วงชิงอำนาจจากฮ่องเต้ทั่วป๋าเทาซึ่งเป็นพี่ชายต่างมารดา
ส่วนจินฉานจื่อเห็นเป็นโอกาส จึงยุยงให้ท่านข่านช่วยทั่วป๋าเส้าประกาศขึ้นบัลลังก์ในดินแดนโหยวหยาน แย่งชิงอำนาจจากทั่วป๋าเทา (คืน) ถ้าสร้างความแตกแยกให้เกิดขึ้นในแคว้นเว่ยได้ ฝ่ายโหยวหยานจะเป็นผู้ได้ประโยชน์
ท่านข่านเห็นด้วย แต่ต้องคุยกันก่อนว่า เมื่อได้อำนาจแล้ว จะต้องแบ่งความอาวุโส (ใครใหญ่กว่า) ทั่วป๋าเส้ารับคำว่าจะยกให้ท่านข่านเป็นผู้อาวุโส ท่านข่านพอใจ
แต่ตัวหลุนขัดขวางแผนการนี้ เขาเห็นว่าการทำแบบนี้จะยิ่งทำให้แคว้นเว่ยกับโหยวหยานบาดหมางกันยิ่งขึ้น อีกทั้งการร่วมมือกับคนที่ทรยศได้แม้แต่แผ่นดินเกิดของตัวเองเช่นทั่วป๋าเส้า จะไม่มีวันพบจุดจบที่ดี
จินฉานจื่อกับทั่วป๋าเส้าจึงวางแผนกำจัดตัวหลุนให้พ้นทาง
แผนการที่ลึกไปกว่านั้น จินฉานจื่อมีเป้าหมายจะเป็นข่านเสียเอง เขาต้องการจะอยู่เหนือคนทั้งหล้า ไม่ยอมอยู่ใต้คนๆ เดียวอีกต่อไป จึงวางแผนจะกำจัดท่านข่านด้วย และก้าวขึ้นเป็นข่านเสียเอง
จังหวะนั้น มู่หลานฯ รับอาสาฮ่องเต้มาลอบสังหารทั่วป๋าเส้าถึงในดินแดนโหยวหยาน เพื่อทำลายแผนการแบ่งแยกของเขา แต่มู่หลานฯ หลงกลติดกับดักที่จินฉานจื่อกับทั่วป๋าเส้าวางไว้ (มู่หลานฉลาดสู้สองคนนี้ไม่ได้) นางจึงถูกจับขังไว้ในคุกรอการประหาร
จินฉานจื่อต้องการทำลายตัวหลุน รู้ว่าตัวหลุนต้องมาช่วยมู่หลานแน่ จึงเก็บตัวมู่หลานไว้เป็นเหยือล่อให้ตัวหลุนมาติดกับ ด้วยการเสนอให้ตัวหลุนเป็นมือเพชรฆาตสังหารมู่หลานเองในวันครบรอบวันตายของหวูถี (พ่ี่ชายของตัวหลุน) ท่านข่านหลงเชื่อตามที่จินฉานจื่อรายงานว่ามู่หลานเป็นคนฆ่าหวูถี จึงสั่งให้ตัวหลุนสังหารมู่หลาน หาไม่แล้วจะไม่ยกบัลลังก์ข่านให้
ตัวหลุนแกล้งรับปาก แต่แอบหาพยานหลักฐานสืบหาคนร้ายตัวจริงที่บงการฆ่าหวูถี แต่ตัวหลุนก็แพ้หมากของจินฉานจื่อที่รู้นิสัยของตัวหลุนเป็นอย่างดี อีกทั้งยังมีเหย่ซู่ - คนสนิทของตัวหลุนคอยรายงานความเคลื่อนไหวของตัวหลุน จินฉานจื่อจึงวางแผนซ้อนเพื่อใส่ร้ายว่าตัวหลุนซ่องสุมกำลัง ก่อการกบฏ
ก่อนที่มู่หลานจะถูกนำตัวไปยังแดนประหาร ทั่วป๋าเส้าได้มาพบเธอ และเกลี้ยกล่อมให้เธอร่วมมือกับเขา ตามแผนการของเขา ทุกคนจะสมปรารถนาในสิ่งที่ตัวเองต้องการ ตัวหลุนได้ขึ้นเป็นข่าน มู่หลานได้เป็นมเหสีของตัวหลุน และทั่วป๋าเส้าเองจะได้เป็นฮ่องเต้แห่งเว่ย
แผนของเขาก็คือ เขามีวิธีที่จะปล่อยมู่หลานไป ให้มู่หลานกลับไปรายงานฮ่องเต้ทั่วป๋าเทาว่าได้สังหารทั่วป๋าเส้าแล้ว จากนั้นก็หาโอกาสสังหารทั่วป๋าเทาเสีย ส่วนทางเขาก็จะหาทางกำจัดจินฉานจื่อและสนับสนุนให้ตัวหลุนขึ้นเป็นข่าน จากนั้นก็ให้มู่หลานแต่งมาโหยวหยาน
คนที่เอาผลประโยชน์ตัวเองเป็นใหญ่อย่างตัวละคร "ทั่วป๋าเส้า" นั้นเป็นคนที่ "คบไม่ได้" เลย (อันนี้เอาไว้เป็นอุทาหรณ์ปรับใช้กับชีวิตยุคปัจจุบันได้เสมอ)
แต่มู่หลานปฏิเสธที่จะร่วมมือกับคนขายพี่น้องร่วมชาติอย่างทั่วป๋าเส้า
ฉากที่ลานประหารมู่หลาน มีบทพูดที่น่าประทับใจอยู่หลายเรื่อง ตัวอย่าง
มู่หลานบอกกับตัวหลุนว่า เธอดีใจที่จะได้ตายด้วยมือของตัวหลุน ถ้าตัวหลุนฆ่านางด้วยมือของเขาเอง แล้วสามารถทำให้ท่านข่านเชื่อใจเขาอีกครั้ง ยอมมอบบัลลังก์ท่านข่านให้เขาสืบทอด ตัวหลุนมีอำนาจตัดสินใจ ชาวเว่ยกับชาวโหยวหยานก็ไม่ต้องรบกันอีก ถ้างั้นการตายของนางก็ถือว่าคุ้มค่ามาก
แต่ตัวหลุนตัดใจฆ่านางเพื่อตนจะได้มีอำนาจไม่ได้ เขาเปิดโปงเรื่องที่จินฉานจื่อเป็นคนบงการให้ต้าน่า (รองแม่ทัพฝ่ายโหยวหยาน - คนของจินฉานจื่อ ) วางยาฆ่าหวูถี แต่ต้าน่าก็ถูกเหย่ซู่ฆ่าตายทันที (เหย่ซู่ เป็นทหารคนสนิทของตัวหลุน ต่อมาไปเข้าเป็นพวกของจินฉานจื่ออย่างลับๆ เนื่องจากเห็นว่าตัวหลุนคงหมดโอกาสได้เป็นใหญ่แล้ว) ซึ่งตัวหลุนนึกไม่ถึงเลยว่าคนที่ติดตามใกล้ตัวมานานคนนี้จะทรยศต่อเขาได้
และยังไม่ทันได้ตั้งตัว เหย่ซู่ ที่ทรยศต่อตัวหลุน ก็ถูกคนสนิทของจินฉานจื่อฆ่าปิดปาก (จุดจบของคนที่่ขายนายแลกยศ)
ตัวหลุนตัดสินใจปล่อยมู่หลานไป เพราะมู่หลานไม่ใช่คนฆ่าพี่ชายของเขา เขาบอกให้มู่หลานรีบหนีออกไปจากดินแดนของโหยวหยาน โดยเขาได้ขอร้องให้เฮ่อหุงพาพวกนางหนี แต่ตัวหลุนเองยอมถูกจับและถูกจินฉานจื่อใส่ร้ายว่ากบฎต่อท่านข่าน มีโทษประหาร โดนจับเข้าไปอยู่ในคุกแดนประหารแทนมู่หลาน (สองคนนี้สลับกันเข้าคุกเกือบตลอดเรื่อง ในเรื่องนี้มีหลายตอนที่มีคนติดคุก และมักเป็นคนที่ไม่ได้ผิดจริง ตั้งแต่มู่หลานเกือบโดนแม่ทัพเซี่ยตัดหัว แม่มู่หลานถูกขัง ตัวหลุนถูกแม่ทัพเซี่ยสงสัยว่าเป็นฆาตรกร ละครคงต้องการเสียดสีเรื่องแพะรับบาปหรือจับคนผิด)
จินฉานจื่อก็ไม่ฆ่าตัวหลุนทันทีเหมือนกัน เพราะรู้ว่ามู่หลานจะยังไม่หนีกลับแคว้นเว่ย ต้องวกกลับมาช่วยตัวหลุนแน่ จึงเก็บเขาไว้เป็นหยื่อล่อให้มู่หลานมาติดกับ (แล้วก็มาติดกับจริงๆ )
ตัวหลุนยอมรับชะตากรรมว่าแพ้จินฉานจื่อทุกทาง ถูกล่ามโซ่และหมดอาลัยตายอยากอยู่ในคุก แต่พอรู้ว่ามู่หลานยังไม่ยอมจากไป ยังจะอยู่เพื่อสังหารคนขายชาติและช่วยเขา ก็ทำให้เกิดกำลังใจฮึดสู้อีกครั้ง
มู่หลานขอร้องให้เฮ่อหุงช่วยตัวหลุน โดนรับปากว่าถ้าช่วยตัวหลุนได้ นางสัญญาที่จะไม่พบตัวหลุนอีกชั่วชีวิต เพราะต้องการหลีกทางให้เฮ่อหุง - หญิงชาวทุ่งหญ้าที่รักตัวหลุนด้วยใจจริงและพร้อมที่จะทำเพื่อเขาทุกอย่าง (แสดงถึงความรักที่เสียสละ ไม่คิดครอบครอง)
...............................................
เมื่อท่ายข่านเบิกตัวตัวหลุนจากคุกประหารไปพบ ตัวหลุนเล่าถึงแผนการฆ่าหวูถีและชิงอำนาจทหารของจินฉานจื่อให้ท่านข่านเข้าใจ จินฉานจื่อจึงสั่งให้คนของเขาที่ส่งไปซุ่มเป็นพ่อครัวในวังข่านนานถึง 7 ปี เอายาพิษที่ทั่วป๋าเส้าให้มาใส่ในเหล้าวางยาท่านข่านตาย จากนั้นก็ฆ่าพ่อครัวปิดปาก และใส่ร้ายว่าตัวหลุนเป็นคนวางยาฆ่าพ่อชิงบัลลังก์
จากนั้นก็แต่งตั้งองค์ชายอายุไม่ถึง 10 ขวบขึ้นเป็นข่านแทน โดยมีตัวเองเป็นผู้มีอำนาจสั่งการที่แท้จริง กุมอำนาจไว้ทั้งหมด
มู่หลานวางแผนลอบสังหารทั่วป๋าเส้ากับช่วยตัวหลุนออกจากคุกให้อยู่ในวันเดียวกัน เพื่อให้จินฉานจื่อต้องแบ่งกำลังรับมือ โดยตัวเองปลอมตัวเป็นฝูหลิงไปสังหารทั่วป๋าเส้า และให้ตั๋วซูเฟิง ทหารเอกของตัวหลุนนำป้ายคำสั่งปลอมของจินฉานจื่อภายใต้การช่วยเหลือของเฮ่อหุง (ลูกสาวจินฉานจื่อ) ไปเบิกตัวตัวหลุนออกจากคุก โดยที่ไม่รู้ว่าจินฉานจื่อแกล้งทำเป็นไม่รู้ว่าลูกสาวมาขโมยป้ายคำสั่งของเขานำไปช่วยตัวหลุน ทุกอย่างจึงอยู่ในกับดักที่จินฉานจื่อวางเอาไว้
ในที่สุด มู่หลานก็วางแผนลอบสังหารทั่วป๋าเส้าได้สำเร็จ (รายละเอียดในการวางแผนสลับซับซ้อนสนุกมาก เชิญผู้อ่านดูในซีรีย์) และช่วยตัวหลุนออกมาได้ แต่ก็แลกด้วยชีวิตของสหายทั้งชาวเว่ยและชาวโหยวหยานหลายชีวิต รวมถึงตัวละครหลักเช่น ช่างตีเหล็ก บัณฑิตซูเซิง ตั๋วซูเฟิง เฮ่อหง ฯลฯ
ตั๋วซูเฟิง แม่ทัพคู่รบที่ติดตามตัวหลุนมาทุกสนาม ถูกจินฉานจื่อจับได้ตอนไปช่วยตัวหลุนออกจากคุก และถูกฆ่าตายอย่างเหี้ยมโหด ตัวละครตัวนี้เป็นตัวอย่างของการรักนาย ไม่ทรยศต่อนายและช่วยนายจนสุดชีวิต แม้ในยามที่นายตัวเองจะหมดหวังขึ้นเป็นใหญ่
ส่วนเหย่ซู่ ที่เป็นทหารคนสนิทที่ตัวหลุนไว้วางใจ ติดตามตัวหลุนตั้งแต่ไปเป็นสปายที่หมู่บ้านหวู่เฟิ่งกู่ เป็นตัวแทนคนที่รักตัวกลัวตาย ยอมเป็นสายลับให้กับจินฉานจื่อ และใส่ร้ายนายตัวเอง ยอมขายนายเพื่อแลกกับการอยู่รอดและเกียรติยศ
ตัวหลุนรอดมาได้ แต่สูญเสียอำนาจทางทหารทุกอย่าง แถมยังมีข้อหากบฏฆ่าพ่อติดมาด้วย
เขาเข้าตาจน คิดจะไปรวบรวมชนเผ่าทุ่งหญ้าที่กระจัดกระจายมาช่วยเขา มู่หลานจึงเสนอให้เขามาร่วมมือกับแคว้นเว่ย เพื่อชิงอำนาจคืนจากจินฉานจื่อ
เมื่อจินฉานจื่อตั้งตัวติด ก็ระดมกำลังทหารโหยวหยาน 1 แสน บุกประชิดเมืองเซิ่งเล่อ แคว้นเว่ย ซึ่งขณะนั้นกำลังพลแค่ประมาณ 6 หมื่นเท่านั้น มู่หลานตอนนั้นได้รับแต่งตั้งเป็นแม่ทัพแล้ว นำทัพออกต้าน แต่ก็แพ้
แคว้นเว่ยตกอยู่ในภาวะวิกฤต การจะใช้กำลังที่น้อยกว่าเอาชนะกำลังที่เหนือกว่า จึงเป็นเรื่องของการวางแผนและกลยุทธ์
มู่หลานเสนอให้ฮ่องเต้ ร่วมมือกับตัวหลุน อดีตองค์ชายของโหยวหยานที่ถูกปลด (เหมือนกัน)
เพื่อให้ตัวหลุนนำกำลังทหารของเว่ยอ้อมไปตีแนวหลังของทัพจินฉานจื่อ (ไปยึดวังข่านคืนและเปิดโปงว่าจินฉานจื่อคือกบฎตัวจริง เพื่อทำให้ทหารส่วนหนึ่งหันกลับมาสนุบสนุนตัวหลุน ) เนื่องจากตัวหลุนยังได้รับความเชื่อถือและมีอิทธิพลในแคว้นโหยวหยานอยู่ในฐานะองค์ชาย
ฮ่องเต้คิดหนัก เพราะจะแน่ใจได้อย่างไรว่าเมื่อให้ทหารเว่ยแก่ตัวหลุนไปแล้ว เขาจะไม่หักหลัง ?
มู่หลานจึงต้องเปิดเผยความจริงว่า ที่แท้นางเป็นผู้หญิง และมีความสัมพันธ์ฉันท์คนรักกับตัวหลุน จากเหตุการณ์ที่ผ่านมา นางรับประกันว่าตัวหลุนใฝ่สันติ ไม่หักหลังแน่
ฉากที่สองผู้นำของสองแคว้นไปยืนสนทนาอยู่บนกำแพงเมืองจึงได้เกิดขึ้นตามมา
ฉากนี้ผู้เขียนคิดว่าน่าจะถือเป็นไฮไลท์ของซีรีย์เรื่องนี้อีกฉากหนึ่ง
และเป็นการสรุปหัวใจของละครที่ดำเนินมาตลอดเรื่อง
ฉากที่สองผู้นำ - องค์ชายตัวหลุนแห่งแคว้นโหยวหยาน กับ ฮ่องเต้แคว้นเว่ย ยืนสนทนา (เจรจาทางการทูต ) กันบนกำแพงเมือง เป็นบทพูดที่สะท้อนแนวคิดที่แสวงหาความร่วมมือในยามวิกฤต (เผชิญหน้ากับศัตรูคนเดียวกัน - ทัพของจินฉานจื่อ)
ฮ่องเต้ทั่วป๋าเทาแห่งแคว้นเว่ยเผชิญหน้ากับศึกนอกที่มีกำลังเหนือกว่ายกทัพประชิด
องค์ชายตัวหลุนแห่งแคว้นโหยวหยานเจอศึกในถูกจินฉานจื่อก่อกบฎชิงอำนาจข่านไป
ทั้งสองจึงต้องหันมาร่วมมือกันเพื่อความอยู่รอด
(ฟังจากคำสนทนาในตอนนี้) ทำให้ผู้ชมเข้าใจได้ว่า ขณะที่ทั้งสองยังมีสถานะเป็นองค์ชายของสองแคว้นคู่อริอยู่นั้น เสด็จพ่อของทั้งสองฝ่ายต่างก็สอนลูกให้ระวังและระแวงฝ่ายตรงข้าม ถ้าเจอที่ไหน จะต้องรีบลงมือกำจัดฝ่ายตรงข้าม อย่าได้ยั้งมือ
ฮ่องเต้พูดว่า
ตอนเป็นเด็ก เสด็จพ่อสอนข้าว่า คนโหยวหยานเป็นพวกเหี้ยมโหดและดุร้าย เหมือนหมาป่า ที่คอยจ้องจะบุกรุกแผ่นดินจงหยวน ชาวโหยวหยานสร้างบ้านหันหน้ามาทางทิศใต้ ก็คือมีเป้าหมายจะครอบครองแผ่นดินจงหยวนที่อยู่ทางใต้ ชิงทรัพยากรของจงหยวน ถ้าเจอคนโหยวหยาน อย่าได้เปิดโอกาสให้พวกเขาเด็ดขาด
องค์ชายตัวหลุนพูดว่า
ตอนข้าเป็นเด็ก เสด็จพ่อบอกข้าว่า
คนจงหยวนเป็นพวกเจ้าเล่ห์ ถือดีว่าร่ำรวย จ้องแต่รังแกคนโหยวหยานทุกครั้งที่มีโอกาส การที่ชาวเว่ยซ่อมแซมกำแพงเมืองจีนก็เพื่อจะกีดกันชาวโหยวหยานให้อยู่นอกกำแพงตลอดไป ไม่ให้เหยียบย่างเข้าไปในแผ่นดินจงหยวน เห็นชาวโหยนหยานเป็นคนเถื่อน เป็นโจรร้าย เราไม่มีวันเป็นสหายกันได้ ถ้าเจอชาวเว่ย อย่าได้ยั้งมือไว้ไมตรี
ทั้งสองคุยกันไป และได้บทสรุปว่า
เสด็จพ่อของเราทั้งสอง คงนึกไม่ถึงว่าเราจะมายืนคุยกันแบบนี้
(โลกเปลี่ยนไปแล้ว - อย่างที่ผู้อ่านหลายๆ ท่านเขียนแสดงความเห็นไว้)
ดูตอนนี้ ภาคภาษาจีนที่
https://www.youtube.com/watch?v=SAesqNuX-0M&list=PLJnZ9hsB_i_KOyzX7Sb78xkkoNMUEIqvD&index=47
พากย์ไทยที่
https://www.youtube.com/watch?v=ZhjOqPuV9rI&list=PLrQsE3Q_bAY1v2XbDoiOqBwIDH37NsYBK&index=56
องค์ชายตัวหลุนพูดอีกว่า
ตอนเป็นเด็ก ข้าเคยใฝ่ฝันที่จะขี่ม้าเที่ยวเล่นทั่วแผ่นดินจงหยวนให้ทั่วทุกเมือง ทุกหมู่บ้าน เหมือนกับอยู่ในบ้านตัวเอง นึกมาตลอดว่า มีแต่จะต้องพิชิตจงหยวนให้ได้เท่านั้น ความฝันนี้จึงเป็นจริงได้
แต่เมื่อข้ามาที่หวู่เฟิ่งกู่ จึงได้พบว่า ถ้าข้ากับชาวเว่ยเป็นเพื่อนกัน ก็สามารถทำแบบนั้นเหมือนอยู่ที่บ้านตัวเองได้เหมือนกัน (也一样可以像在自己家里一样 ขี่ม้าเที่ยวให้ทั่ว )
และความรู้สึกนี้มีความสุขกว่าการพิชิตอีกฝ่ายมาก(远比征服的感觉快乐得多)
ฮ่องเต้พูดอีกว่า
เมื่อก่อน ข้าก็เคยเป็นองค์ชาย
ข้ามีความสุขและภาคภูมิใจมากกับหน้าที่ไล่ตะลุยทะเลทราย ขับไล่ข้าศึก
แต่พอข้ามาปกครองประเทศ จึงได้เข้าใจว่า
สงครามนั้นมีแต่ทำให้ประเทศไม่มั่นคง และ สร้างศัตรูมากขึ้น
ตอนนี้ ข้ายินดีเป็นมิตรกับชาวโหยวหยานชนเผ่าของเจ้า
องค์ชายตัวหลุนพูดว่า
ชาวโหยวหยานเรา อิจฉาความมั่งคั่งของชาวจงหยวน
แต่ความมั่งคั่ง ไม่จำเป็นต้องใช้กำลังแย่งชิงจึงได้มา มีอีกวิธีหนึ่งเรียกว่า "เรียนรู้"
บทภาษาจีนพูดว่า 但财富不一定要靠掠夺来获得,还有一种方式叫作 “学习”
ฮ่องเต้พูดว่า
" พ่อของเรา คงนึกไม่ถึงว่าเมื่อเราสองคนพบกัน ไม่เพียงแต่ไม่ได้ห้ำหั่นกัน แต่กลับยืนสนทนากันแบบนี้ "
ตัวหลุนพูดว่า " ดูเหมือนบางครั้งพ่อเราก็มีพูดผิดได้บ้างเหมือนกัน"
(แต่ผู้เขียนคิดว่า พ่อของพวกเขาก็คงไม่ได้พูดผิดทั้งหมดหรอก เพราะในยุคนั้นการแย่งชิงดินแดน การขยายอิทธิพล ก็คงจะเกิดจากทั้งสองฝ่าย)
แต่ผู้สร้างละครเรื่องนี้ต้องการเน้นว่าเพื่อสันติสุข เพื่อความเจริญ ชนเผ่าต่างๆ ควรหันมาร่วมมือกัน
..........................
ในที่สุด ฮ่องเต้แห่งเว่ย ก็ยอมมอบกำลังทหารเว่ย 5000 นายให้ตัวหลุนนำไปตีตลบหลังจินฉานจื่อที่วังข่านของโหยวหยานตามแผนของมู่หลาน (จนได้รับชัยชนะในที่สุด)
การร่วมมือ การเรียนรู้องค์ความรู้ซึ่งกันและกัน เป็นทางรอดของทุกฝ่าย
ขอยกเอาความคิดเห็นจากผู้อ่าน - คุณ Jeng Piyamanag ที่เขียนไว้มาอีกรอบ
" โลกเปลี่ยนไปแล้ว วิสัยทัศน์ของผู้นำแต่ละประเทศควรเป็นอย่างไร ? " (ก็คงต้องรวมถึงท่านกุนซือทั้งหลายด้วย)
............................................
นอกจากนี้ ยังมีความคิดเห็นที่น่าสนใจจากคุณ Tapootum Tapootum ที่เสนอผ่านเฟสบุ๊กหลายประเด็น
มีข้อความหนึ่งเขียนไว้ว่า
" ถ้ามีคนสร้างละครดีๆ แล้วสร้างแรงกระเพื่อมให้สังคมได้คิดเห็นไปในทางที่ดีก็คงจะดีไม่น้อยนะคะ "
...............................................
บทพูดซึ้งๆ จากตอนนี้
องค์ชายตัวหลุนบอกกับฮ่องเต้ว่า เขากับมู่หลาน " ไม่ว่าอยู่ที่ไหน เกิดอะไรขึ้น แม้อยู่ในสนามรบ เราก็ยังห่วงใยกัน"
...............................................
ปล.จากใจผู้เขียน
ขออภัยที่อัพเรื่องช้า เนื่องจากช่วงนี้มีเวลาจำกัด ไม่สามารถคิด-เขียนคราวละยาวๆ ได้
ตอนที่ 16 นี้ใช้เวลาเขียนอยู่หลายวันมาก
ดีใจที่มีผู้อ่านส่งข้อความมาตาม ว่าเมื่อไหร่จะได้อ่านเรื่องมู่หลานของเหล่าซืออีกที " รอๆๆ มู่หลานของเหล่าซือออกลูกออกหลานแล้วมั้ง.... "
นี่เป็นการเขียนวิจารณ์หนังแบบยาวๆ ครั้งแรกและเรื่องแรกของเหล่าซือ ศัพท์แสงอาจไม่เหมือนนักวิจารณ์หนังมืออาชีพ แต่ก็รู้สึกดีที่ได้รับการตอบรับจากคนอ่าน และมีแฟนติดตามบ้าง เป็นครั้งแรกที่เขียนแล้วมีคนมาเร่งให้เขียนต่อ จริงจังเสียด้วย
ขอบคุณทุกกำลังใจค่ะ
.................................
เก็บตก เบื้องหลังถ่ายทำ และนักแสดง
มู่หลานทางทีวีจบแล้ว ยังเห็นมีแฟนๆ หลายคนคิดถึงองค์ชายตัวหลุน (ดีแลนกัว กัวผิ่นเชา 郭品超 )
มู่หลานทางทีวีจบแล้ว ยังเห็นมีแฟนๆ หลายคนคิดถึงองค์ชายตัวหลุน (ดีแลนกัว กัวผิ่นเชา 郭品超 )
มู่หลาน (ที่แสดงโดยโหวเมิ่งเหยา - 候梦瑶)
.................................
เอามาฝาก 1 รูปก่อน เรื่องอื่นๆ ขอติดไว้ก่อน เจอกันในตอนต่อไปค่ะ
รูปปัจจุบันของ ดีแลนกัว หรือ กัวผิ่นเชา (คนแสดงเป็นตัวหลุน) นักแสดงชาวไต้หวัน อายุปีนี้ 38
.............................
เพื่อนๆ ที่แสดงความเห็นผ่านช่องเฟชบุ๊กในบทความนี้
ถ้าก็อปข้อความที่คอมเมนท์นี้ไปแปะไว้ที่เฟชบุ๊กเพจ https://www.facebook.com/SuwannaFutureC/?ref=hl ด้วย
ก็จะมีสัญญาณเตือนให้เหล่าซือเข้ามาเห็นคอมเมนท์นั้นค่ะ
...................................
ดูหนังเรื่องนี้ภาคภาษาจีนทางยูทูป ที่ลิงค์นี้ (คลิกที่นี่)
พากย์ไทย ที่คุณ naruto_multiThree อัพไว้ในยูทูปหลังหนังออกอากาศ (คลิกที่นี่)
เพลงประกอบตอนจบ 女儿香 (คลิกที่นี่)
เพลงประกอบตอนมู่หลานกลับบ้าน 问月 (คลิกที่นี่)
เพลงประกอบตอนจบ 女儿香 (คลิกที่นี่)
เพลงประกอบตอนมู่หลานกลับบ้าน 问月 (คลิกที่นี่)
จะตามมาปรับแก้ข้อผิดพลาดอีกรอบค่ะ